J.K. Rowling หายป่วยแล้ว

J.K. Rowling นักเขียนดังบอกตัวเองหายแล้ว แม้จะไม่ได้ไปหาหมอที่โรงพยาบาล

J.K. Rowling นักเขียนวรรณกรรมเยาวชนระดับโลกอย่าง Harry Potter เป็นคนดังคนล่าสุดที่ได้ออกมาเปิดเผยผ่านทวิตเตอร์ของตัวเองว่า เป็นผู้ติดเชื้อไวรัส Covid-19 และตอนนี้เธอก็ได้บอกว่า หายป่วยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้จะไม่ได้เข้าไปตรวจอาการที่โรงพยาบาลเลยก็ตาม แต่ตลอดสองอาทิตย์ที่ผ่านมาก็ได้ปรากฎอาการทุกอย่างของโรคนี้ ซึ่งเหตุผลที่เธอไม่ได้ไปตรวจที่โรงพยาบาลนั้นก็เพราะสามีของเธอ Neil Murray ซึ่งเป็นคุณหมอได้แนะนำให้เธอเฝ้าดูอาการอยู่บ้านจะดีกว่า โดย Rowling ก็ได้แชร์วิดีโอ YouTube ของคุณหมอที่โรงพยาบาล Queen ในประเทศอังกฤษ ที่มาสอนเทคนิควิธีการหายใจที่ได้ผลอีกด้วย

หายแล้วย่ะ! J.K. Rowling นักเขียนดังบอกตัวเองหายแล้ว แม้จะไม่ได้ไปหาหมอที่โรงพยาบาล

Rowling เพิ่งโพสต์ข้อความก่อนหน้านี้ในทวิตเตอร์ เพื่อเห็นแย้งกับไลฟ์โค้ชที่พยายามกดดันผู้อื่นว่า ไม่เรียนรู้การแก้ปัญหาใหม่ ๆ ในช่วงเวลาที่ยากลำบากแบบนี้ โดยบอกว่า ไลฟ์โค้ชเหล่านั้นอาจไม่รู้ว่าผู้คนหลายคน กำลังเผชิญกับความยากลำบากในชีวิตจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ Covid-19 อยู่ การเที่ยวบอกคนอื่นว่าขี้เกียจหรือไม่พยายามทำอะไรในช่วงเวลากักตัวแบบนี้ นั่นคือการดูถูกเหยียดหยามคนอื่นที่มากเกินไป

Rowling เพิ่งเปิดตัวแพลตฟอร์มออนไลน์ Harry Potter at Home ที่เต็มไปด้วยเนื้อหา และกิจกรรมมากมายเกี่ยวกับ Harry Potter ที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ และให้คนได้เพลิดเพลินช่วงต้องกักตัวอยู่บ้านเมื่อสัปดาห์ก่อน
แต่สำหรับหนังเรื่อง Fantastic Beasts ภาค 3 ที่เธอเขียนบทมาทุกภาค ซึ่งในภาค 2 นั้นถูกโจมตีว่าบทอ่อนจนทำให้หนังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร จนส่งผลถึงรายได้ที่หดหายไปเยอะ นำไปสู่การรื้อโครงเรื่องใหม่ทั้งหมดอีก 3 ภาคที่เหลือของหนังชุดสัตว์วิเศษที่เล่าเรื่องภาคต้นก่อน Harry Potter เธอยังเป็นโปรดิวเซอร์ของโครงการหนังเรื่องนี้ที่จะมีฉากหลังเป็นสงครามโลกครั้งที่ 2 อันยิ่งใหญ่ หนังต้องหยุดการถ่ายทำช่วงนี้ Covid-19 ซึ่งการพักกองถ่ายนี้น่าจะกระทบกับกำหนดฉายวันที่ 21 พฤศจิกายน 2021 แน่ ๆ
เรียบเรียงโดย ufabet | แทงหวยออนไลน์ | บาคาร่า

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Extraction หนังจอเล็กของ Netflix กลายเป็นหนังฟอร์มใหญ่

ไมเคิล แจ็กสัน เกือบจะได้เป็นเจ้าของ มาร์เวล แล้วในยุค 90s

5 เหตุผลที่ทำให้ "เพราะเราคู่กัน" (คั่นกู) กลายเป็นปรากฏการณ์